เป็นผู้เห็นเป็นภัยในโทษที่มีประมาณเล็กน้อยเถิด
“เราพึงเป็นที่รัก ที่เจริญใจ ที่เคารพ ที่ยกย่อง ของเพื่อน ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ด้วยกันทั้งหลาย” เธอพึงทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย พึงตามประกอบในธรรมเป็นเครื่องสงบแห่งจิต ในภายใน เป็นผู้ไม่เหินห่างในฌาน ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยวิปัสสนา และ ให้วัตรแห่งผู้อยู่สุญญาคารทั้งหลายเจริญงอกงามเถิด.
“เราพึงเป็นผู้มีลาภด้วยบริขาร คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขารทั้งหลาย” เธอพึงทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย …
“เราบริโภค จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ของทายกเหล่าใด การกระทำเหล่านั้นพึงมีผลมากมีอานิสงส์มากแก่ทายกเหล่านั้น” เธอพึงทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย…
“ญาติสายโลหิตทั้งหลาย ซึ่งตายจากกันไปแล้ว มีจิตเลื่อมใส ระลึกถึงเราอยู่ ข้อนั้นจะพึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก แก่เขาเหล่านั้น” เธอพึงทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย …
“เราพึงอดทนได้ซึ่ง ความไม่ยินดี และ ความยินดี, อนึ่ง ความไม่ยินดีอย่าเบียดเบียนเรา, เราพึงครอบงำย่ำยี ความไม่ยินดี ซึ่งยังเกิดขึ้นแล้วอยู่เถิด” เธอพึงทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย…
“เราพึงอดทนความขลาดกลัวได้, อนึ่ง ความขลาดกลัว อย่าเบียดเบียนเรา, เราพึงครอบงำย่ำยี ความขลาดกลัว ที่บังเกิดขึ้นแล้วอยู่เถิด” เธอพึงทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย …
“เราพึงได้ตามต้องการ ได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบาก ซึ่งฌานทั้งสี่ อันเป็นไป ในจิตอันยิ่ง เป็นทิฏฐธรรมสุขวิหาร” เธอพึงทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย …
“เราพึงเป็นโสดาบัน เพราะความสิ้นไป แห่งสังโยชน์สาม เป็นผู้มีอันไม่ตกต่ำ เป็นธรรมดา ผู้เที่ยงต่อพระนิพพาน มีการตรัสรู้ อยู่ข้างหน้า” เธอพึงทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย …
“เราพึงเป็นสกทาคามี เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม และ เพราะความเบาบางแห่งราคะ โทสะ และโมหะ พึงมาสู่เทวโลกอีกครั้งเดียวเท่านั้น แล้วพึงทำที่สุดแห่งทุกข์ได้” เธอพึงทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย ...
“เราพึงเป็นโอปปาติกะ (พระอนาคามี) เพราะ ความสิ้นไปแห่งสังโยชน์เบื้องต่ำห้า พึงปรินิพพานในภพนั้น ไม่กลับจากโลกนั้น เป็นธรรมดา” เธอพึงทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย...
“เราพึงแสดงอิทธิวิธีมีอย่างต่างๆ ได้” …
“เราพึงมีทิพยโสต” …
“เราใคร่ครวญแล้ว พึงรู้จิตของสัตว์เหล่าอื่น, ของบุคคลเหล่าอื่นด้วยจิตของตน” ...
“เราพึงตามระลึกถึงภพที่เคยอยู่ในกาลก่อนได้หลายๆอย่าง” … “เราพึงเห็นสัตว์ทั้งหลาย ด้วยจักษุทิพย์ อันหมดจดเกินจักษุสามัญของมนุษย์” … ดังนี้ก็ดี, …ฯ…
เธอพึงทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย พึงตามประกอบในธรรมเป็นเครื่องสงบแห่งจิตในภายใน เป็นผู้ไม่เหินห่างในฌาน ประกอบพร้อมแล้วด้วยวิปัสสนา และให้วัตรแห่งผู้อยู่สุญญาคารทั้งหลายเจริญงอกงามเถิด.
เธอทั้งหลาย จงมีศีลสมบูรณ์ มีปาติโมกข์สมบูรณ์ อยู่เถิด เธอทั้งหลาย จงสำรวมด้วยปาติโมกขสังวร สมบูรณ์ด้วยมรรยาท และโคจรอยู่เถิด จงเป็นผู้เห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย ที่มีประมาณเล็กน้อย สมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลายเถิด” ดังนี้.
คำนั้นอันเราตถาคต อาศัยเหตุผลดังกล่าวนี้แล จึงได้กล่าวแล้ว.
พุทธวจน ปฐมธรรม หน้า ๑๓๕
(ภาษาไทย ) มู. ม. ๑๒/๔๓/๗๓-๙๐.